
อาหารเป็นพิษ
สาเหตุ
เนื่องจากการรับประทาน หรือดื่มน้ำ ที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส สารพิษจากพืชและสัตว์ สารเคมีที่ปนเปื้อน ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือบางรายมีอาการท้องเสียและอาเจียนตามมา พบได้ในอาหารปรุงไม่สุก อาหารกระป๋อง หรืออาหารค้างคืน โดยทั่วไปแล้วอาหารเป็นพิษเป็นอาการที่ไม่รุนแรง แต่หากเกิดอาการรุนแรงก็อาจทำให้สูญเสียน้ำ และเกลือแร่ได้
อาการ
- อาเจียน หลังรับประทานอาหาร 2-12 ชั่วโมง
- ปวดท้อง
- ท้องเสียถ่ายเหลว
- มีอาการสูญเสียน้ำ เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ กระหายน้ำ
วิธีการดูแลตนเอง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- เมื่อเกิดอาการท้องเสียควรดื่มน้ำ หรือดื่มน้ำผสมผงเกลือแร่ (ORS) เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
- รับประทานอาหารย่อยง่าย เช่น โจ๊ก น้ำซุป เลี่ยงอาหารที่มีรสจัด ของหมัก ดอง และอาหารที่มีไขมันสูง
- รับประทานยาแก้ท้องเสียชนิดเฉียบพลัน ที่มีตัวยา Nifuroxazide ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักของอาการท้องเสียได้ โดยผู้ป่วยควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือเภสัชกร

เกร็ดน่ารู้ ข้อมูลยา
เออร์ฟูไซด์ (Erfuzide)
ตัวยา Nifuroxazide มีทั้งแบบยาน้ำแขวนตะกอน และแคปซูล (ห้ามใช้ในผู้แพ้ยานี้)
สามารถอ่านบทความเพิ่มเติม ยาแก้ท้องเสียมีกี่ประเภท เลือกใช้ตามอาการอย่างไรให้ถูกวิธี คลิก!

อาการกรดเกิน
อาการ
- อาการที่เป็นกันบ่อยที่สุดก็คืออาการแสบร้อนที่หน้าอกหรือลิ้นปี่
- ความรู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปากและคอ
- จุกเสียด แน่นท้องบริเวณลิ้นปี่
- บางรายขับถ่ายอุจจาระมีลักษณะเหลว หรือถ่ายออกเป็นน้ำซึ่งมักทำให้เข้าใจผิดได้ว่าท้องเสีย
วิธีการดูแลอาการ
- รับประทานยาลดกรด ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง จุกเสียด
- ไม่ควรดื่มนม เพราะอาจจะเพิ่มปัญหาให้กระเพาะโดยไม่รู้ตัว เพราะลำไส้ของบางคนไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสที่อยู่ในนม จึงมักเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จนถึงท้องเสีย แทรกขึ้นมาจากอาการกรดเกินที่เป็นอยู่
- ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร งดอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
- งดอาหารทอด อาหารมัน อาหารรสจัด
- หลีกเลี่ยงชา กาแฟ น้ำอัดลม เบียร์ สุรา
- อาการท้องเสียเนื่องจากกรดในทางเดินอาหารมากเกิน มักทุเลาลงได้เอง เมื่อร่างกายเข้าสู่สมดุล
ไม่ว่าจะอาหารเป็นพิษ หรือ อาการกรดเกิน ซึ่งมักเป็นสาเหตุของการท้องเสีย ถ่ายท้อง เราต้องสังเกตตัวเอง และแยกความแตกต่าง จะได้ดูแลตัวเองได้ตรงตามสาเหตุ และสิ่งสำคัญสุดคือ การปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ตรงเวลา ไม่รับประทานอาหารจุกจิก รวมถึงการรับประทานให้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ย่อยง่าย เมื่อรับประทานยาควรศึกษาฉลากยาหรือ เอกสารกำกับยาก่อนการใช้ยาทุกครั้ง ไม่ว่า จะเป็นยาอะไรหรือ รูปแบบไหนก็ตามการใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ หรือเภสัชกร